นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
เมื่อเวลา 20.40 น. (1 มิ.ย.) นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิชาต บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี นำกำลังตำรวจจาก สภ.ขุนทเล และ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กว่า 50 นาย เข้าคุมสถานการณ์
หลังได้รับแจ้งว่าชาวโรฮีนจา ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งผู้หญิง และเด็กจำนวน 94 คน ได้รวมตัวประท้วงทุบทำลายประตู และหน้าต่างซึ่งเป็น ของเรือนนอน
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ชาวโรฮีนจา ได้ทุบทำลายประตู และกระจกหน้าต่างเรือนนอนแตก แต่ไม่สามารถออกมายังด้านนอกเรือนนอนได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้แยกแกนนำ จำนวน 5 คนเพื่อทำการสอบสวน พร้อมเพิ่มไฟให้ความสว่างรอบตัวอาคารและนำลวดหนามมาปิดล้อมตัวอาคาร และจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าสถานการณ์
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ชาวโรฮีนจา ได้ทุบทำลายประตู และกระจกหน้าต่างเรือนนอนแตก แต่ไม่สามารถออกมายังด้านนอกเรือนนอนได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้แยกแกนนำ จำนวน 5 คนเพื่อทำการสอบสวน พร้อมเพิ่มไฟให้ความสว่างรอบตัวอาคารและนำลวดหนามมาปิดล้อมตัวอาคาร และจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าสถานการณ์
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาต บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นการก่อเหตุทุบทำลายเรือนนอนในครั้งนี้ เนื่องจาก ชาวโรฮีนจาเกิดความไม่พอใจที่ทางเจ้าหน้าที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) ไม่ให้นำเสบียงอาหาร และสัมภาระต่างๆ ที่ได้รับแจกจ่าย เข้าไปเรือนนอน เกรงว่าจะเป็นการเตรียมการหลบหนี
เนื่องจากรั้วด้านหลังของทางสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพต่ำ ชาวโรฮีนจาจึงปิดไฟ พร้อมส่งเสียงโวยวาย และทุบทำลายข้าวของดังกล่าว ซึ่งมีทั้งประตู และหน้าต่างของเรือนนอน พร้อมเรียกร้องขอไปประเทศที่ 3 โดยระบุจะไปประเทศมาเลเซีย และปฏิเสธที่จะไปสหรัฐอเมริกา
ล่าสุด เวลา 9.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับฝ่ายปกครอง ทั้งหญิง และชายกว่า 80 นาย เข้าตรวจค้นเรือนนอน เพื่อหาอาวุธและสิ่งของที่จะสามารถใช้ก่อเหตุได้ จากการตรวจค้นเบื้องต้นพบก้อนหินขนาดเล็กถูกบรรจุภายในถุงพลาสติกจำนวนหลายถุง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ชาวโรฮีนจา เตรียมการไว้ทุบทำลายกระจก และปาใส่เจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นก็พบอาหารจำนวนมากที่นำไปกินภายในเรือนนอน ซึ่งผิดกฎข้อห้ามนำอาหารเข้าไป